ทีเด็ดบอล แนวโน้มของค่าตัวนักเตะนั้นจะได้รับผลกระทบไปในทิศทางใดได้บ้าง

ทีเด็ดบอล เชื่อว่าแฟนฟุตบอลหลายคนเนี่ยน่าจะตั้งข้อสงสัยในแบบเดียวกันว่าพอมันมีเรื่องราวผลกระทบจากไวรัส โควิดnine teen หลังจากนี้ตลาดซื้อขายนักเตะ โลกของฟุตบอล

เกี่ยวกับกับMarketingต่าง ๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง เรื่องสงสัยว่าเอ๊ะค่าเหนื่อยนักเตะค่าตัวนักเตะ มีแต่ละทีมจะไปซื้อมาหลังจากกลับมาสู่สถานการณ์ปกติแล้วเนี่ย

มันจะมีตัวเลขอยู่เท่าเดิมหรือเปล่า หรือไอ้จำนวนนั้นเนี่ยมันจะลดน้อยลงและปัญหาที่มันจะเกิดจากการต่อรองของ ลดค่าเหนื่อยนักเตะบางคนทำไมยอม สโมสรทำไมไม่ยอม

วันนี้น่าจะได้รับความกระจ่างจากบทวิเคราะห์ตัวนี้ ครั้งแรกเนี่ยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าฟีฟ่ายืนยันนะครับว่า ตลาดการซื้อขายในซัมเมอร์นี้จริง ๆ อ่ะใกล้จะถึงแล้ว

แต่ด้วยสถานการณ์โควิดเนี่ยมันทำให้เวลาอาจจะต้องร่นออกไป FIFA บอกว่าโอเคเดี๋ยวจะยืดหยุ่นให้มากยิ่งขึ้น เดี๋ยวจะรอจนกว่า Season จะจบก่อนแล้วค่อยมาตั้งข้อกำหนดว่าตลาด

จะเอาอยู่ในช่วงเดือนไหน เท่ากับว่ารายละเอียดลึกๆอ่ะมันเป็นเครื่องใหม่ปลายเปิดนะ เพราะว่าเรายังไม่รู้ว่ามันจะจบกันตอนไหน แต่ก็คือยืดหยุ่นไปก่อน ขยายไปเรื่อย ๆ

นักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาอนุญาตให้ต่อสัญญาไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบซีซั่น จบซีซั่นเมื่อไหร่ค่อยมาเปิดตลาดกันอีกทีนึง ตลาดซัมเมอร์ปกติแล้วเนี่ยประมาณซัก 3 เดือนโดยประมาณ

ทีนี้เนี่ยเอาความเข้าใจง่าย ๆ จากสิ่งที่ฟีฟ่ากำลังจะสื่อ สมุมุติว่าเตะกันได้แล้วฤดูกาลจบประมาณซักช่วยเดือนสิงหาคม อาจจะเริ่งหลังจากนั้นระยะเวลาอาจจะไม่ใช่ 3 เดือน

ปกติอาจจะลด 2 เดือน ก็มีบางแหล่งให้ข้อมูลว่าอาจจะยืดยาวออกไป อันนี้เราก็ไม่รู้ มีโอกาสยืดไดิปถึงต้นปีหน้าได้เหมือนกัน เรามาลงลึดสกู๊ปพอเศษของดิแอตแลนติกยูเค

สัมภาษณ์พวกบรรดา เอเย่น นักเตะ ที่มีความใกล้ชิด บอกว่าช่วงนี้ในสถานการณ์แบบนี้การทำงานของพวกคุณเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างแล้วลงลึกเลยเอาเรื่องประเด็นค่าเหนื่อยกันก่อน

แต่ละทีมตอนนี้ทุกลีกทั่วโลกการเซฟเพราะว่าสูญเสียรายได้ในช่วงที่ฟุตบอลมันไม่มีเตะ เอเย่นเขาก็มีหน้าที่ เขาไม่ได้อยู่เฉยๆนะ แม้ว่าแบบว่าจะต้องมีการเดินทางไปติดต่อเจรจานู่นนี่นั่น เนื่องจากเขามีปัญหาเดินทางไม่ได้ แต่เขาก็ยังเป็นที่ปรึกษา ให้กับนักเตะในความดูแล

ทีเด็ดบอล

ทีเด็ดบอล ประเด็นสำคัญเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรบ้าง 

เกี่ยวกับเรื่องเงินเงินทองทอง ๆ จรรยาบรรณของสื่อา เวลาที่เขาไปสัมภาษณ์ข้อมูลที่มันลับสุดยอดแบบนี้เอเย่น เขาจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ ว่าเอเย่นคนนั้นคือใคร

หรือชื่อของนักเตะที่มาให้สัมภาษณ์แหล่งข่าวคือใครเพราะอาจจะส่งผลเสียต่อบุคคลนั้น ๆ ได้ซึ่งสกู๊ปของ ดิแอตแลนติกยูเค เขาบอกเลยนะครับว่า ปกติช่วงเวลาแบบนี้

สายโทรศัพท์ของบรรดาเอเย่นเนี่ย ดังกันไม่หยุด เดี๋ยวย้ายทีม สนใจซื้อคนนู้นซื้อคนนี้ ตลาดใกล้เปิดแล้ว แต่ปีนี้ไม่ใช่แบบนั้น เย็นจากชาติชั้นนำคนนึงเนี่ย บอกว่าปีนี้เงียบเป็นเป่าสาก

เราเพิ่งได้รับการสอบถามจากสโมสรเอง กลายเป็นว่าปีนี้เนี่ยเย็นจะรับสายคุยจากนักเตะซะเป็นส่วนใหญ่มากกว่า ในเรื่องที่ต้องปรึกษา เรื่องของการลดค่าเหนื่อยชะลอการจ่ายค่าเหนื่อย

ก็มีกัปตันทีมพรีเมียร์ลีกคนนึงครับ คือกัปตันทีมคนนึงบอกว่าคือมันเป็นเรื่องที่บ้ามากเรื่องการลดค่าเหนื่อยเนี่ย คือจะยอมง่าย ๆ ไม่ได้ก็เลยต้องโทรคุยกับเอเย่นต์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง

ไม่ลงลึกรายละเอียดเลยว่า ถ้าอย่างเนี้ยกระทบอะไร อย่างนั้นมันได้ผลประโยชน์อะไรยังไง นักเตะเราพูดตามหลักความเป็นจริง นักเตะส่วนใหญ่ความรู้ไม่ได้เยอะ การศึกษาไม่ได้สูง

ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องตัวเลขเงินเงินทองทองกฎหมาย เรื่องที่มันซับซ้อนหน่ะ นักเตะบางคนไม่มีความรู้ตรงจุดนี้ คือเขากังวลหลายด้านนะ อย่างเช่นเขาบอกว่าถ้าเกิดอยู่ดี ๆ

เขาไปยอมให้สโมสรหักค่าเหนื่อยโดยไม่ดูรายละเอียดให้ดี กลายเป็นว่าบางครั้งเนี่ย ไอ้เงินที่หักค่าเหนื่อยเราไปเนี่ย บางครั้งเอาไปซื้อนักเตะต่างชาติเข้ามาเฉยเลย

แทนที่จะหักเงินเอาไปใช้เกี่ยวกับการระดมทุนให้เป็นประโยชน์ สรุปตอนนี้เย็นของนักเตะมีหน้าที่ฟังคำจากปากนักเตะตัวเองมากกว่า มากกว่าไปคุยกับสโมสรอื่น ๆ ซะอีก

เหมือนเราจะสังเกตมั๊ยว่าเขาไม่ต้องการที่แบบลด30%เท่ากันอะ คือมีความขอร้องว่าให้ลด 30% เท่ากันใช่มั๊ยสโมสรในพรีเมียร์ลีก แต่เหมือนตอนนี้เขาต้องการที่จะแบบเป็น Case by Case เอาอะเพราะว่าคุณไม่สามารถที่จะได้ 30 เปอร์เซ็นต์เท่ากันได้ 

ทีเด็ดบอล คนกลางที่ทำหน้าที่เคลียเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะจะเป็นใครได้บ้าง

หรือถ้าเกิดจะยกภาพให้เห็นชัดในแคมเป็นที่ทาง จอร์แดนเฮดิสัน กับกัปตันทีมพรีเมียร์ลีกหลาย ๆ คนร่วมกันญ แคมเปญเพลเยอร์ทูเกเตอร์ หลัก ๆ เลยก็คือเขาก็มองว่าทราบว่า

ถ้าเกิดคุณจหักเงินปลายทางจะเอาไปทำอะไร เพราะฉะนั้นบรรดานักเตะพรีเมียร์ลีกจึงตั้งแคมเปญขึ้นมาว่า คิดว่าถ้าเกิดจะนำเงินตัวเองไปช่วยเหลือการกุศลจริง ๆ

เดี๋ยวนักเตะบริจาคให้เอง สกู๊ปพิเศษของแอตแลนติก UK เนี่ยมันทำให้เราเปิดโลกหลาย ๆ เรื่องเหมือนกัน มีนักเตะแค่ไม่กี่คนที่อยู่จุดเหนือสุดของพีระนิด นักเตะพวกนี้ไม่เดิอดร้อน

โรนัลโด้ เมสซี่ แต่สำหรับรักเคะบางคนค่าเหนื่อยของพวกเขาไม่ได้เยอะขนาดนั้น สมมุตินะได้ค่าเหนื่อยซัก 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อย่าลืมว่าถ้าเกิดเล่นในอังกฤษคุณต้องเสียภาษี 50%

เท่ากับว่าคุณก็จะเหลือเงิน 5,000 บาทต่อสัปดาห์ ถ้าสโมสรมาขอลดอีก 30 เปอร์เซ็นต์น่ะ เงินหายไปเพียบเลยนะครับ แล้วอย่าลืมว่าอาชีพนักฟุตบอลส่วนใหญ่เนี่ยอยู่ได้ค่าเฉลี่ย

ไม่เกิน 35 ปี มันก็ต้องมีการเก็บเงินถ้าเกิดว่าคุณโดนหักไปซะขนาดนี้มันก็ต้องมีการเสียหายเหมือนกันนะ ตรงจุดนี้แหละเอเย่นมีความสำคัญมากๆที่จะมาคอยให้ความดูแล

คอยให้คำปรึกษา ผลกระทบต่อพวกเขายังไงบ้าง แต่ว่าบางทีน่ะมันก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กับสโมสรด้วย บางทีอาจจะต้องให้ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือว่า

PFA ที่เป็นเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีเนี่ยมาช่วยเป็นคนกลางให้ ซึ่งPFAก็ช่วยเป็นคนกลางนี่แหละ ข้อมูลส่วนหนึ่งที่เปิดเผยและดีมาก ๆ คือใครจะไปคิว่าเอเยนต์คงจะไม่สนใจหรอก

ทีเด็ดบอล

ผลกระทบจากเหตุการณ์โควิดนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลไปในทิศทางใดได้บ้าง

เรื่องของค่าเหนื่อยนักเตะ ตัวเองคงไม่ได้ผลประโยขน์อะไรหรอก เอเย่นส่วนใหญ่ได้เงินส่วนแบ่งของค่าเหนื่อยนักเตะอยู่แล้ว ยิ่งเอเย่นเรียกร้องเงินค่าเหนื่อยนักเตะ

ในความดูแลของคุณได้มากขนาดไหนคุณก็ได้เงินมากขึ้น นักเตะจะยอมลดค่าเหนื่อยหรือไม่ยอมเนี่ย ต้องดูความสัมพันธ์กับสโมสรด้วยนะ อย่างเช่นไบรตันเนี่ยเค้าบอกว่านักเตะ

รักเจ้าของมาก นักเตะรักเจ้าของมากเพราะเจ้าของช่วยเหลือทีมมาตลอด ถ้ามาขอเนี่ยอาจจะยอมอยู่แล้ว แต่เค้ายกตัวอย่างเช่นกับTottenham hotspur หรือว่า Newcastle

กับเจ้าของสโมสีอย่าง 2 สโมสรนี้นักเตะก็คงคิ เอเย่นก็คงคิดไม่อยากลดเลย ข่วงซัมเมอร์นี้มันเกิดเป็นประเด็นคำถามต่อมาว่า มันจะกระทบกับฝ่ายไหนบ้าง สโมสรที่กำลังเล็ง ๆ

ที่จะมีการเสริมทัพอยู่ เค้าบอกว่าหลัก ๆ แล้วทีมที่เจอปัญหาคือทีมที่เล็กกว่า เหมือนกับสุถาษิตปลาใหญ่กินปลาเล็ก สถานการณ์แบบเดียวกันเนี่ย พวกทีมใหญ่ ๆ ที่มีเงินถุงเงินถัง

อาจจะไม่เจอปัญหาซักเท่าไหร่ แล้วก็มีโอกาสที่จะไปดึงพวกนักเตะจากทีมเล็ก ๆ เพราะว่าทีมเหล่านั้นเค้าประสบปัญหาหนักกว่า อาจจำเป็นจะต้องขายนักเตะเพื่อเอาเงิน

ค่าตัวตรงส่วนนั้นกลับเข้ามาสมทบทีม คือในหัวข้อนี้กำลังจะบอกว่าทีมใหญ่บางทีอาจจะสบโอกาสในการซื้อนักเตะที่ราคาไม่แพงในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ ยกตัวอย่างเช่น

manu mancity chelsea 3 ทีมนี้เรา เราพอจะเล็งภาพเห็นแล้วว่าน่าจะลงตลาดซัมเมอร์นี้แน่นอน เพราะว่าต้องการซื้อนักเตะ เป็นโอกาสอันดีในการที่จะรีบเสริมตอนนี้แหละ ตอนที่ทุกอย่างกำลังถูกลงส่งผลให้

ทีมที่ได้รับผลกระทบของเหตุการณ์โควิด หนักที่สุดจะเป็นทีมใดบ้าง

พวกเขาแข็งแกร่งต่อไปได้อีก 4-5 ปีเลยทีเดียว สมมุติแบบว่านักเตะท็อปเพลเยอร์บางคน ค่าตัวซัก 70 ล้านปอนด์สมมุติว่ามาซื้อตอนนี้ค่าตัวเค้าอาจจะลดลงเหลือกซัก 50 ล้าน

40 ล้านก็เป็นได้ คำพูดของเอเย่นที่บอกว่าทีมใหญ่จะได้เปรียบ ในการสบช่อง พวกทีมเล็ก ๆ ที่สบปัญหาทางการเงินแล้ว ไปซอยนักเตะเค้ามาซะเนี่ย โซลชาออกมาพูดหลังจาก

ที่เอเย่นคนนี้บอก แต่โซลชาพูดลักษณะเดียวกันว่า ตลาดตอนนี้อาจเป็นสถาณการณ์ที่เราต้องคว้าเอาไว้ ยกตัวอย่าซักคนหนึ่ง สมมุติเป็น แจ็ค เกรียลิชของแอสตัน วิลล่า

แอสตัน วิลล่าพึ่งเลื่อนชั้นเข้ามา สถาณการณ์ทางการเงินอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทีมอื่น สมมุติแมนยูเนี่ยต้องการแจ็ค เกรียลิชอยากจะดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้ ค่าตัวอาจจะ

ไม่ได้ถูกลงเยอะ แต่มีโอกาสที่แอสตัน วิลล่าจะยอมปล่อมตัวเนี่ยสูงกว่าเดิม พวกบรรดาดาวเตะอายุน้อย ยกตัวอย่าง สเปอร์ไปซื้อไรอัน เซสเซยง 25 ล้านปอนด์อันนี้คือโดนโก่งแบบเต็มที่

แต่พอสถาณการณ์มันเปลี่ยนมันเจอวิกฤติ หลาย ๆ สโมสรต้องการจะปล่อยนักเตะอาจจะได้ราคาแค่ 5 -10 ล้านปอนด์ ประเด็นนี้ ไม่ด้มองว่าทีมใหญ่เอาเปรียบทีมเล็กนะ

มันเป็นการช่วยเหลือกันทางระบบเศรษฐกิจด้วยซ้ำไป นอกเหนือจาหนั้นดิแอตแลนติกบอกว่า ไม่ใช่แค่ทีมใหญ่อย่างเดียว พวกบรรดาทีมกลางตารางอย่าง เอฟเวอร์ตัน เลสเตอร์ ซิตี้

พวกเนี้ยก็มีโอกาสได้ของดีราคาถูกเช่นเดียวกัน ถ้าดูจากทิศทางตอนนี้ ทางยูฟ่าน่าจะเลื่อนการใช้กฎ Financial Fair Playตอนนี้ออกไป เพราะทราบดีว่าแต่ละทีมมีปัญหา

ในเรื่องของการเงินเป็นพิเศษ เพราะฉนั้น เอฟเวอร์ตัน หรือว่าเลสเตอร์ ซิตี้ทีมประมาณนี้ อาจจะลงไปเสริมทัพนักเตะฝีเท้าดี ในราคาที่ไม่แพง บางทีอาจจะไปเล่นทริคกับทีมในสเปน

ทีมในอิตาลี ทำไมต้องเป็นสองลีคนี้เพราะว่าเจอโควิดหนักสุด แล้วโดยธรรมชาติเนี่ย 2 ทีมนี้ไม่ได้รวยอยู่แล้ว

ราคาบอล